กลัวลูกติดจอ? การกำหนดเวลาการใช้หน้าจอ พอสำหรับพวกเขาไหม?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เด็ก ๆ ใช้เวลาอยู่กับการเล่นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแล็ปท็อปมากขึ้น ซึ่งแปลว่าเด็กรุ่นนี้เป็นเด็กที่จะโตมาพร้อมกับการใช้ชีวิตอยู่กับอุปกรณ์ที่มีอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา

สำหรับพ่อแม่ที่กังวลเรื่องเวลาในการใช้หน้าจอของลูก มีคำแนะนำจากการวิจัยว่าพ่อแม่ควรเลือกเฉพาะเนื้อหาการเรียนรู้ที่มีคุณภาพสูง โดยเน้นไปที่พัฒนาการของลูก ด้วยการดูและเล่นไปพร้อมกับลูก และจากการทำแบบนี้ พ่อแม่สามารถวางแนวทางที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกทางสื่อดิจิทัล และช่วยกระตุ้นการฝึกจำ ฝึกภาษา และ การพัฒนาทางอารมณ์ และทางสังคมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะกังวลเรื่องผลกระทบของการควบคุมเวลาหน้าจอ การวิจัยของนักจิตวิทยา แนะนำให้พ่อแม่สอนลูกว่าใช้สื่อเหล่านั้นอย่างไรให้ถูกต้อง มากกว่าสนใจเวลาหรือความถี่ในการใช้  ซึ่งแทนที่จะคิดว่าการใช้หน้าจอเป็นการทำร้ายลูก พ่อแม่ควรตั้งเป้าไปที่การทำให้ลูกโตขึ้นอย่างมีคุณภาพตามสังคมยุคดิจิทัล พ่อแม่ควรวางแบบแผนที่จะช่วยให้ลูกเข้าใจถึงศีลธรรมและแยกแยะสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้ลูกได้ใช้ชีวิตที่เหมาะสมในยุคนี้

ในฐานะผู้ปกครอง คุณควรระวังเรื่องของการใช้หน้าจอของลูกในทางนิสัย และสุขภาพจิตที่ดีของลูก คุณต้องสังเกตผลลัพธ์ในเรื่องการกำหนดเวลาหน้าจอ และการโต้ตอบเวลาที่เราจะเก็บอุปกรณ์ที่ลูกเล่นคืนเมื่อหมดเวลา คุณสังเกตปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกในตอนที่คุณปฏิเสธการขอดูหน้าจอหรือไม่ ลูกของคุณมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่ ถ้ามี ก็ถึงเวลาที่คุณจะกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องเวลาการใช้หน้าจอของลูกได้แล้ว เพราะตอนที่ลูกเป็นเด็กเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเรียนรู้เรื่องการจัดการตัวเองกับการใช้หน้าจอมากที่สุด

ถ้าอยากเริ่มควบคุมการใช้หน้าจอของลูก เราขอแนะนำวิธีดังนี้

  1. กำหนดเวลาสำหรับการใช้หน้าจอ และต้องแน่ใจว่าทุกคนในครอบครัวต้องให้ความร่วมมือกับข้อตกลงด้วย เช่น การไม่ใช้หน้าจอตอนกินข้าว ไม่ใช้สมาร์ทโฟนตอนขับรถ หรือการไม่ใช้หน้าจอก่อนเวลานอนหนึ่งชั่วโมง เป็นต้น
  2. การกำหนดเวลาหน้าจอนั้น ผู้วิจัยแนะนำว่าควรให้คนในครอบครัวสามารถต่อรองเรื่องเวลาการใช้หน้าจอกันได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะใช้หน้าจอของลูก แทนที่จะห้ามใช้หรือควบคุมเวลาการใช้อย่างตายตัว ควรปล่อยให้ลูกเป็นคนตัดสินใจเอง ซึ่งการต่อรองนี้อาจจะอยู่ในช่วงเวลาว่างของลูก การทำแบบนี้ ส่งผลถึงการพัฒนาเรื่องความมั่นใจในตัวเอง การแบ่งเวลา หรือการรับรู้และตอบสนองความต้องการของตัวเอง และยังเป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกได้อีกด้ว
  3. สามารถเพิ่มเวลาที่ลูกใช้หน้าจอได้หากพวกเขาใช้งานเกี่ยวกับการเรียนรู้ หรือการศึกษา การที่ลูกชอบดูหน้าจอในเนื้อหาที่ดี แปลว่าเนื้อหาเหล่านั้นส่งผลให้การเรียนของลูกสนุก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นเมื่อเราเรียนแบบแอคทีฟ ได้มีส่วนร่วมกับการเรียน และการเรียนนั้นมีความหมายกับเรา ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุไหนก็ตาม ซึ่งเด็ก ๆ จะเรียนภาษาได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อได้เรียนกับสื่อดิจิทัล ซึ่งมีเนื้อหาที่ดีมากมายอยู่ในโลกออนไลน์เต็มไปหมดที่จะทำให้เด็กได้มีส่วนร่วม และการเรียนรู้แบบนี้ย่อมดีกว่าการเรียนรู้แบบนั่งดูเฉย ๆ แน่นอน

เมื่อพูดถึงการที่เด็กต้องเรียนเกี่ยวกับตัวหนังสือหรือตัวเลข และต้องพัฒนาในเรื่องการจำเสียงและตัวหนังสือ แท็บเล็ต หรือมือถือก็เป็นเครื่องมือดี ๆ ที่เรามีอยู่ใกล้ตัว และตัวอย่างของแอปพลิเคชันที่ใช้ในการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กคือกาแลคซี่ คิดส์(Galaxy Kids) แอปนี้ออกแบบมาให้เด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมในการเรียน และทำให้เด็ก ๆ มีความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น

แอปพลิเคชันนี้คือแบบอย่างของคลาสเรียนที่มีเพื่อน ซึ่งเป็นตัวละครในจินตนาการที่เรียนด้วยกันอย่างสนุกสนาน และได้เรียนรู้ตามหลักสูตรนานาชาติที่ออกแบบโดยครูสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะทำให้ลูกของคุณได้ฝึกภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเนื้อหาที่เด็ก ๆ จะได้เรียนในแอปพลิเคชันนี้นั้น มีทั้งการฝึกพูดโต้ตอบกับ AI Chat Buddies ที่เป็นเหมือนเพื่อนคุยของเด็ก ๆ และยังมีเพลงเด็กให้ได้ฝึกร้องตาม เป็นการได้ฝึกความจำไปพร้อม ๆ กับการฝึกภาษาอีกด้วย

Related Posts

คอร์สเรียนออนไลน์ภาษาอังกฤษเด็ก

ฝึกภาษาอังกฤษเด็กออนไลน์ให้ได้เทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีคำถามว่าลูกของเราจะเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างไร ปัจจุบันนี้มีคอร์สเรียนออนไลน์ภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ ที่สอนและให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคุณพ่อคุณแม่
เว็บสอนภาษาอังกฤษเด็ก-cover

3 เทคนิคในการเลือกเว็บสอนภาษาอังกฤษเด็กให้เหมาะกับลูก

ในยุคปัจจุบันที่โลกดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจำวัน สื่อต่างๆ ในมือของลูกน้อยต่างก็มาจากสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และเว็บสอนภาษาอังกฤษเด็กควรให้ลูกได้ฝึกอย่างเป็นธรรมชาติ

อยู่บ้านก็เรียนเก่งได้ ด้วยเทคนิคสอนลูกเรียนแบบโฮมสคูล

ลูกของคุณอยู่บ้านเพราะช่วงนี้โรงเรียนปิดอยู่หรือเปล่า? ชักเริ่มกังวลว่าพวกเขาจะตามบทเรียนไม่ทัน? ต่อจากนี้คือเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้โดยคุณก็สามารถสอนพวกเขาได้แม้จะเรียนที่บ้านแบบโฮมสคูล (Homeschool) ด้วยวิธีดังนี้
SiteLock